ประวัติของ Richard Wyckoff

Richar D. Wyckoff (ริชาร์ด ดี ไวค์คอฟฟ์) เป็นผู้คิดค้นเทคนิคการซื้อขายสะสมแบบ Wyckoff ในช่วงต้นทศวรรษ 1900 Richar D. Wyckoff เป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกันที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดหุ้น Richar D. Wyckoff ทำงานเป็นเทรดเดอร์และนักการศึกษาในตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดตราสารหนี้ Wyckoff สนใจที่จะกำหนดแนวโน้มพื้นฐานหรือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการดำเนินการของตลาด Wyckoff เสริมและบันทึกวิธีการซื้อขายและการสอนของเขาผ่านการพูดคุย การสัมภาษณ์ และการวิจัยที่ประสบความสำเร็จในยุคของเขา

จากการวิเคราะห์ของ Wyckoff นักเคลื่อนไหวด้านหุ้นและการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นที่สุดในยุคนั้นมีคุณสมบัติหลายประการ เขาอ้างว่าเขาได้ประเมินและกำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเทรด เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตั้งจุด stop-loss และการจัดการความเสี่ยงในแต่ละการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ Wyckoff ยังเชื่อว่ากลยุทธ์บางอย่างมีข้อได้เปรียบในตลาดกระทิงหรือตลาดหมี

กฎของ Wyckoff

วิธีการตามแผนภูมิของ Wyckoff สร้างขึ้นจากกฎพื้นฐานสามข้อที่มีอิทธิพลต่อองค์ประกอบต่างๆ ของการวิเคราะห์ สิ่งเหล่านี้รวมถึงการตรวจจับความเอนเอียงทิศทางในอนาคตของตลาดและหุ้นแต่ละตัว การเลือกหุ้นที่ดีที่สุดเพื่อซื้อขายระยะยาวหรือระยะสั้น ระบุความพร้อมของหุ้นที่จะออกจากช่วงการซื้อขาย และคาดการณ์ราคาเป้าหมายในแนวโน้มตามพฤติกรรมของช่วงการซื้อขายของหุ้น กฎเหล่านี้เป็นแนวทางในการตีความของทุกแผนภูมิและการเลือกหุ้นแต่ละตัวเพื่อซื้อขาย กฎมีดังนี้:

กฎแห่งอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply)

ตามทฤษฎี Wyckoff ทิศทางราคาถูกกำหนดโดยกฎของอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply) แนวคิดนี้เป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์การซื้อขายและการลงทุนของ Wyckoff เมื่ออุปสงค์มากกว่าอุปทาน ราคาจะเพิ่มขึ้น และเมื่ออุปทานเกินอุปสงค์ ราคาจะลดลง เทรดเดอร์หรือนักวิเคราะห์สามารถประเมินความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานโดยการเปรียบเทียบแท่งราคาและวอลุ่ม ตลอดจนการเพิ่มขึ้นและการตอบสนองในช่วงเวลาต่างๆ

กฎแห่งเหตุและผล

กฎแห่งเหตุและผลช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนกำหนดเป้าหมายราคาโดยการประเมินขอบเขตที่เป็นไปได้ของแนวโน้มที่เกิดขึ้นภายในช่วงการซื้อขาย จำนวนจุดแนวนอนในแผนภูมิแบบจุดและตัวเลข(Point-and-Figure)(แผนภูมิแบบจุดและตัวเลขเป็นวิธีการแสดงภาพการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์และแนวโน้มโดยไม่ขึ้นกับเวลาที่ผ่านมา) คือ "สาเหตุ" ของ Wyckoff และจำนวนจุดที่สอดคล้องกับ การเคลื่อนไหวของราคาคือ "ผล"

การทำงานของกฎนี้สามารถมองได้ว่าเป็นพลังของการสะสมหรือการกระจายภายในช่วงการซื้อขาย และพลังนั้นแสดงออกอย่างไรในแนวโน้มที่ตามมาหรือการเคลื่อนไหวขึ้นหรือลง

กฎแห่งความพยายามกับผลลัพธ์

กฎแห่งความพยายามเทียบกับผลลัพธ์เตือนถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในรูปแบบในอนาคตอันใกล้ ความแตกต่างระหว่างปริมาณและราคาสามารถบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของแนวโน้มราคา ตัวอย่างเช่น หากราคา Bitcoin อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและกำลังสร้างฐาน ปริมาณจะสูงขึ้นตลอดระยะเวลาการรวมฐาน แต่ราคาจะไม่ถึงจุดสูงสุดใหม่ นี่แสดงให้เห็นว่าปริมาณและราคาไม่แสดงอารมณ์เดียวกัน

วงจรราคา Wyckoff

จากข้อมูลของ Wyckoff ตลาดสามารถเข้าใจและคาดการณ์ได้โดยการตรวจสอบอุปสงค์และอุปทานโดยละเอียด ซึ่งสามารถกำหนดได้โดยการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของราคา ปริมาณ และจังหวะเวลา ในฐานะนายหน้า(broker) เขาสามารถสังเกตกิจกรรมของบุคคลและกลุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างมากซึ่งครอบงำหัวข้อเฉพาะ ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถแยกแยะเจตนาในอนาคตของผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่เหล่านั้นได้โดยใช้สิ่งที่เขาเรียกว่าแผนภูมิแนวตั้ง (แท่ง) และแผนภูมิตัวเลข (Point and Figure)

แผนภูมิด้านล่างแสดงแผนผังในอุดมคติว่าเขาเห็นการวางแผนและการดำเนินการของตลาดกระทิงและตลาดหมีโดยกลุ่มผลประโยชน์หลักอย่างไร ควรป้อนคำสั่ง Long เมื่อราคากำลังเพิ่มขึ้นหรือตลาดกระทิงสิ้นสุดลงควรป้อนคำสั่ง Short เมื่อราคากำลังลดลง

Wyckoff accumulation ประกอบด้วยสองขั้นตอน: markup และ markdown

นักลงทุนควรวางแผนที่จะซื้อในช่วง markup และขายในช่วง markdown

Wyckoff Accumulation คืออะไร?

Wyckoff Accumulation ถูกกำหนดให้เป็นกิจกรรมตลาดด้านข้างหรือขอบเขตที่เกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนไหวที่เป็นขาลงเป็นเวลานาน ในขั้นตอนนี้ เทรดเดอร์ที่มีความรู้และประสบการณ์จะสะสมหรือตั้งค่าสถานะการซื้อขายโดยที่ราคาไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เทรดเดอร์ที่ชาญฉลาดและผู้เล่นรายใหญ่พยายามรักษาขั้นตอนนี้ต่อไปจนกว่าตำแหน่งการซื้อขายทั้งหมดของพวกเขาจะเต็ม

วัฏจักรราคา Wyckoff เริ่มต้นด้วยการสะสม ในช่วงเวลานี้ ผู้ค้าสถาบันสร้างคำสั่งซื้อขายและค่อย ๆ เพิ่มความแข็งแกร่ง ทำให้ราคาสูงขึ้น เมื่อระยะการสะสมสิ้นสุดลง ระยะการเทขายจะเริ่มขึ้น ในช่วงนี้ราคาจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ารายย่อยส่วนใหญ่จะเข้าร่วมฝ่ายซื้อนี้เมื่อ markup สิ้นสุดลง แต่โอกาสในการทำกำไรหลังจากช่วง markup นั้นมีน้อย

ขั้นตอน Wyckoff Accumulation

ระยะ Preliminary Support (PS)

แนวรับเบื้องต้นคือจุดที่การซื้อจำนวนมากเริ่มให้การสนับสนุนที่สำคัญหลังจากแนวโน้มขาลงในระยะยาว ปริมาณเพิ่มขึ้นและสเปรดกว้างขึ้น บ่งบอกว่าแนวโน้มขาลงใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

ระยะ Selling Climax (SC)

จุดไคลแม็กซ์ของการขาย (SC) คือจุดที่ใกล้หรือใกล้จุดต่ำสุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการขายแบบตื่นตระหนก ใน SC การกำหนดราคามักจะปิดได้ดีในระดับต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงการซื้อโดยความสนใจจำนวนมาก

ระยะ Automatic Rally (AR)

Automatic Rebounds (AR) เป็นหายนะสำหรับผู้ขาย หลังจากแรงขายที่รุนแรงของ Selling Climax (SC) ราคากลับตัวและกลับสู่การเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เห็นในทิศทางของผู้ขาย ระยะนี้บ่งชี้ว่าผู้ขายชอร์ตกำลังปิดสถานะของตน ความสูงของการเคลื่อนไหวนี้กำหนดความสูงของช่วง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ซื้อส่วนใหญ่

ระยะ Secondary Test (ST)

ที่จุดทดสอบรอง ราคาจะลดลงอีกครั้งหลังจาก Automatic Rally (AR) แต่คราวนี้จะถูกควบคุม ปริมาณของผู้ขายควรสูงขึ้น และอาจมีการเคลื่อนไหวของราคารองหลายรายการ

ระยะ Spring

ในช่วงระยะ Spring ราคาจะทำการทดสอบอย่างหนักของระดับต่ำสุดล่าสุด ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์เข้าใจผิด เมื่อค่าเฉลี่ยของตลาดต่ำกว่าช่วงการเทรด จะทำให้เกิด Panic Low ใหม่ก่อนที่จะดีดตัวกลับไปสู่ช่วงเดิมซึ่งเรียกว่า Wyckoff Spring หลังจากระยะ Spring เทรดเดอร์ทั่วไปจะมองว่าแนวโน้มของตลาดเป็นขาลงและเริ่มเทขาย

สรุป

สรุปแล้ววิธี Wyckoff นั้นมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการจับศูนย์กลางของแนวโน้มตลาด อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ผลเสมอไป ผู้คนมักจะซื้อที่แนวรับและขายที่แนวต้าน การวางการซื้อขายที่มีความเป็นไปได้สูงจะง่ายขึ้นเมื่อเทรดเดอร์เข้าใจขั้นตอนการสะสมและการเพิ่มราคา ทฤษฎีการสะสมของ Wyckoff ไม่เพียงช่วยให้นักลงทุนสามารถป้องกันความผันผวนใด ๆ ได้ แต่ยังช่วยให้นักลงทุนเข้าใจวัฏจักรของตลาด การเคลื่อนไหวของราคา และแนวโน้มในอนาคตได้ดีขึ้น